ช่อดอกไม้ปริศนา
นานหลายปีมาแล้ว ที่พิไลเข้ามาทำงานที่นี่ บริษัทคอสเมติกชั้นนำของประเทศ ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการทั่วไป
เพื่อนๆหลายคนของเธอมองว่าเป็นเรื่องน่าขัน ที่พิไลทำงานบริษัทที่เหมือนเป็นตัวแทนความสวยความงามตามสมัยนิยม แต่ตัวเธอเองกลับไม่นิยมอะไรสวยงามเอาเสียเลย
ทั้งทรงผม การแต่งหน้าแต่งตา กระทั่งเสื้อผ้าชุดพนักงาน ที่แม้จะมีผ้าและแบบให้แต่ละคนไปตัดใส่ เลือกแบบได้ตามชอบใจ เธอก็กลับเลือกเอาแบบที่ธรรมดาที่สุด เชยที่สุด
ยิ่งตอนนี้เธออายุ 35 เข้าไปแล้ว จนบางทีเวลาเดินไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆเธอดูเหมือนพนักงานทำความสะอาดตึกเสียมากกว่า
เรื่องตลกของที่นี่(แต่ไม่เคยตลกในสายตาของพิไล) คือที่บริษัทนี้ มีพนักงานพิไลเพิ่มมาอีกคนหนึ่งเมื่อราวสองปีที่แล้วในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าระดับบริหาร อายุราว 23ปี ตัดผมสั้นสีทองประกาย จมูกโด่งเป็นสันเหมือนลูกครึ่ง พิไลคนหลังนี้ สาวสวยเฉิดฉายเปล่งประกายออร่าทั้งหน้าตา รูปร่าง การแต่งตัว ยังไม่รวมเรื่องความมั่นใจ กิริยาท่าทาง จริตจก้านที่แพรวพราวมีชีวิตชีวา แตกต่างกับพิไลคนแรกที่แสนจืดชืดเหมือนหน้ามือกับหลังมือ
หลังจากพิไลคนสวยเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็เริ่มมีช่อดอกไม้ถูกส่งมาจากร้านต่างๆให้เธอที่บริษัทแทบทุกวัน คงตามธรรมชาติของสาวสวยที่มีผู้ชายมาติดพันมากหน้าหลายตา แถมยังไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
แมสเซนเจอร์บางคนขี้เกียจขึ้นไปส่งข้างบนก็จะฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ บอกว่ามาส่งคุณพิไล ก็เป็นอันรู้กันว่าพิไลไหนโดยไม่ต้องบอก เพราะดูเป็นไปไม่ได้เลยที่พิไลคนแรกจะได้รับช่อดอกไม้ราคาแพงๆสวยหรูแบบนี้
ส่วนพิไลคนสวย พอได้ช่อดอกไม้มาในแต่ละวัน ซึ่งบางวันมีมากกว่าช่อเดียว เธอก็จะเอาไปประดับออฟฟิศตามมุมต่างๆ ในแพนทรีบ้าง ในห้องน้ำบ้าง เพราะโต๊ะของตัวเองไม่มีที่จะวาง บางทีก็ยกให้เพื่อนที่นั่งโต๊ะใกล้ๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง แมสเซนเจอร์คนหนึ่ง ถือช่อดอกลิลลี่สีชมพูตกแต่งสวยงามอลังการช่อใหญ่เดินขึ้นมาที่สำนักงาน มาหยุดที่โต๊ะพิไลธุรการ ถามว่า “คุณพิไลใช่ไหมครับ”
พิไลเงยหน้าขึ้น ถอดแว่นสายตายาวออกวางบนโต๊ะ “ค่ะ ใช่ค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
แมสเซนเจอร์ยื่นช่อดอกไม้ให้พร้อมรอยยิ้ม “ดอกไม้ครับ มีคนส่งให้คุณ”
พิไลทำท่าตกใจ “โอ้ย ไม่ใช่ค่ะ ผิดคนแล้วค่ะ ที่นี่มีพิไลสองคน น่าจะคนโน้นมากกว่า” เธอว่าพลางชี้ไปทางที่โต๊ะของพิไลคนสวยนั่ง ซึ่งตอนนี้เธอมองเห็นช่อดอกไม้แสนสวยและรีบลุกจากโต๊ะออกเดินตรงแน่วมาแล้ว
แต่แมสเซนเจอร์ยืนยันมั่นคง “ไม่ใช่คุณพิไลคนโน้นครับ ผมต้องส่งให้คุณพิไลที่เป็นธุรการ ผมสีดำยาว ตัวเล็กๆ คุณแน่ๆใช่ไหมครับ”
ตอนนี้ทุกคนที่อยู่รอบข้างหยุดทำงานกันหมดพากันหันมามองพิไลสองพิไลที่ยืนงงกันอยู่ที่โต๊ะธุรการ เพื่อดูเหตุประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
พิไลรับช่อดอกไม้มาไว้ในอ้อมแขนอย่าง งงๆ ในขณะที่พิไลคนสวยเลิกคิ้ว ยักไหล่ แล้วหมุนตัวเดินกลับโต๊ะตัวเองไปอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรต่อ
ช่อดอกไม้แสนสวยช่อนั้นไม่มีจดหมายหรือการ์ดอะไรเขียนบอกไว้เลยว่าใครเป็นผู้ส่งให้ นี่เป็นช่อดอกไม้ช่อแรกในชีวิตของเธอซึ่งเธอไม่เคยจินตนาการถึงเลยว่าจะได้รับ แถมยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้อีกด้วย
หลังจากวันนั้น พิไลยังได้รับช่อดอกไม้ช่อโตแสนสวยอีกหลายช่อล้วนแต่เป็นดอกไม้ราคาแพง ช่อขนาดหลายพันบาท สวยงามจนเธอไม่กล้าทิ้งแม้จะเหี่ยวเฉาแล้ว
เธอจัดประดับไว้เต็มห้องพักจนดูเหมือนมีงานเฉลิมฉลอง คืนหนึ่งเธอนอนหลับไปท่ามกลางดงดอกไม้กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั้งห้อง แล้วฝัน
เธอฝันถึงเช้าวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะเดินเข้าบริษัท เธอเห็นชายหนุ่มขาพิการ นั่งวีลแชร์ พยายามจะข้ามถนน เธอเลยเดินออกมาอาสาเข็นรถเขาข้ามถนนไปอีกฝั่ง เขากล่าวขอบคุณ ถามชื่อเธอ แล้วเธอก็ข้ามกลับ
หลังจากวันนั้น ในเวลาเดิมๆ พิไลยังเห็นเขามารอข้ามถนนที่เดินทุกวัน ด้วยความที่เป็นคนมีจิตใจเอื้ออารี ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ พิไลเห็นทีไรก็จะรีบออกมาช่วยเข็นรถเขาข้ามถนนทุกครั้ง
ทว่าวันหนึ่ง ด้วยเหตุใดไม่ทราบ หลังพิไลพาหนุ่มพิการคนนั้นข้ามไปฝั่งโน้นแล้วเขาย้อนกลับลงมาบนถนนอีกครั้ง และถูกรถเก๋งคันหนึ่งพุ่งชนอย่างแรงจนกระเด็นไปไกล เลือดสาดกระจายเต็มถนน!!
พิไลสะดุ้งตื่นตอนนั้น ในหูยังแว่วเสียงรถพยาบาลรถกู้ภัยดังในสมอง ใจเต้นรัวเร็ว เหงื่อแตกท่วมตัว เขาคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างเธอก็ไม่ทราบได้ เพราะเธอไม่ได้พบเขาอีกเลยแต่ตอนนั้นหญิงสาวรู้สึกใจหาย และใจคอไม่ค่อยดี
พิไลเองยังไม่อาจจะคิดเชื่อมโยงไปได้ว่า สิ่งที่เธอฝันกับช่อดอกไม้ปริศนาที่เธอได้รับต่อเนื่องมานี้มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร
จนกระทั่งเรื่องแปลกประหลาดชวนขนหัวลุกเริ่มเกิดขึ้นกับกับพิไลในอาทิตย์ต่อมา และทำให้ชีวิตที่เหลือของเธอเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง#.(อ่านต่อตอนจบ)